การเลือกตั้งสหรัฐปี 2024: คริปโทเคอร์เรนซีมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรบ้าง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 กำลังใกล้เข้ามา ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านการเมืองอย่างที่เป็นมาเท่านั้น แต่ยังขยายวงไปสู่ด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ซึ่งรวมไปถึงคริปโทเคอร์เรนซีด้วย ในขณะที่ผู้สมัครทั้ง Kamala Harris รองประธานาธิบดีปัจจุบัน และ Donald Trump อดีตประธานาธิบดี ต่างขับ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 กำลังใกล้เข้ามา ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านการเมืองอย่างที่เป็นมาเท่านั้น แต่ยังขยายวงไปสู่ด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ซึ่งรวมไปถึงคริปโทเคอร์เรนซีด้วย ในขณะที่ผู้สมัครทั้ง Kamala Harris รองประธานาธิบดีปัจจุบัน และ Donald Trump อดีตประธานาธิบดี ต่างขับเคี่ยวชิงตำแหน่งในทำเนียบขาว วงการสินทรัพย์ดิจิทัลก็จับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนโยบายของผู้สมัครแต่ละคนอาจกำหนดอนาคตของการกำกับดูแลและตลาดคริปโตในสหรัฐ อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลกและเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วย
คริปโตและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปี 2024
การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่สำคัญ เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 Basis Point ในเดือนกันยายน 2024 โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือเป้าหมายในช่วง 4.75%-5% เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ถือเป็นก้าวที่ระมัดระวังซึ่งมุ่งบรรเทาแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนตลาดแรงงาน ทำให้การกู้ยืมมีต้นทุนลดลง และเปิดทางให้เกิดความสนใจอีกครั้งในสินทรัพย์ที่เก็งกำไรมากขึ้น เช่น คริปโทเคอร์เรนซี อัตราดอกเบี้ยที่สูงดึงดูดเงินทุนไปสู่การลงทุนที่มีเสถียรภาพและให้ผลตอบแทนมากกว่ามาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็อาจทำให้นักลงทุนบางส่วนหันกลับมาลงทุนในเซกเตอร์ที่มีการเติบโตสูง เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล
ส่วนนอกสหรัฐอเมริกานั้น เศรษฐกิจโลกยังต้องรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อและความท้าทายด้านค่าเงินเช่นกัน โดยธนาคารกลางทั่วโลกต่างปรับนโยบายการเงินของตนหรือตั้งเป้าที่จะปรับเช่นเดียวกัน เมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงและมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาคต่างๆ เช่น ยุโรปและเอเชีย การเปลี่ยนทิศในด้านเศรษฐกิจในวงกว้างก็อาจส่งเสริมให้คริปโทเคอร์เรนซีมีความน่าสนใจมากขึ้นในการใช้ป้องกันความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin และ Stablecoin อาจได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และมุ่งหน้าสู่การมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะการเป็นที่เก็บรักษามูลค่าและสภาพคล่องแบบกระจายศูนย์ในสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนทางการเงินและเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวใน Prediction Market สำหรับคริปโตในช่วงฤดูการเลือกตั้งสหรัฐ
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 ได้มี Prediction Market สำหรับคริปโตเกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือแบบกระจายศูนย์ในการวัดความเชื่อมั่นทางการเมืองและคาดการณ์ผลลัพธ์ แพลตฟอร์มอย่าง Polymarket ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในการเลือกตั้งรอบนี้ เนื่องจากเปิดให้ทายผลแบบเรียลไทม์โดยใช้บล็อกเชน ผู้เข้าร่วมจึงเดิมพันผลการเลือกตั้งและเหตุการณ์ทางการเมืองอื่นๆ ได้ ประมาณ 88% ของปริมาณการเทรดของ Polymarket ในปี 2024 เป็นของตลาดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งกิจกรรมที่มีมากขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจอันเป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์มในการรวบรวมความเชื่อมั่นของผู้คนทั่วโลกที่ปราศจากอคติในการทำแบบสำรวจความคิดเห็นแบบเดิม พร้อมทั้งนำเสนอตัวเองเป็นเครื่องมือล้ำค่าสำหรับการจับมุมมองของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีความแตกต่างกัน
อัตราต่อรองของ Polymarket สำหรับ Harris และ Trump ขึ้นๆ ลงๆ ตามพัฒนาการของแคมเปญหาเสียงและการประกาศนโยบาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Prediction Market สามารถจับปฏิกิริยาทันทีได้จากทั้งผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงและนักลงทุน เช่น ในช่วงปลายฤดูร้อน อัตราต่อรองของ Trump ไต่ขึ้นไปถึงเกือบ 55% จากแคมเปญหาเสียงของเขาเน้นที่เน้นหนักไปยังการส่งข้อความที่สนับสนุนคริปโตเป็นอย่างมาก การดึงดูดชุมชนคริปโตด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายให้เอื้ออำนวยนั้นทำให้ Trump เข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มสำคัญซึ่งนำไปสู่การสนับสนุนที่พุ่งสูงขึ้นใน Polymarket ในขณะเดียวกัน อัตราต่อรองของ Harris ก็แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ซึ่งมาจากการมุ่งเน้นแคมเปญหาเสียงของเธอไปยังด้านความสมดุลด้านการกำกับดูแล ทำให้ดึงดูดนักลงทุนสถาบันที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพในนโยบายคริปโต การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เผยให้เห็นว่า Prediction Market เสนอมุมมองความคิดเห็นสาธารณะได้ในแบบไดนามิก ซึ่งทันสถานการณ์กว่าการทำโพลสำรวจแบบดั้งเดิมมากในการตอบสนองต่อข้อมูลใหม่
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2024 ใน Pool การเลือกตั้งสหรัฐบน Polymarket ที่มา: Polymarket
นอกเหนือจากการติดตามความเชื่อมั่นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้ว Prediction Market อย่าง Polymarket ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้ของทั่วโลกเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐอีกด้วย เนื่องจากผู้ที่เข้ามาเดิมพันจากภูมิภาคต่างๆ นั้นมีส่วนร่วมและสะท้อนความคิดเห็นของตนออกมาผ่านฝั่งที่แทง แพลตฟอร์มนี้ได้กลายมาเป็นพื้นที่ที่ความเห็นจากทั่วโลกมาบรรจบกัน ด้วยลักษณะการกระจายศูนย์ที่ทำให้มีผู้เข้าร่วมหลากหลายกว่าการทำโพลสำรวจแบบเดิมที่จำกัดอยู่ตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ตลาดเหล่านี้จึงไม่เพียงทำหน้าที่เป็นเครื่องวัดความเชื่อมั่นในการเลือกตั้งสหรัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้มุมมองที่นานาชาติมีต่อผู้นำสหรัฐอีกด้วย รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกว่าโลกคาดการณ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพลวัตทางการเมืองของอเมริกาอย่างไร
ผลการเลือกตั้งสหรัฐและผลกระทบต่อตลาดคริปโตทั่วโลก
ผลลัพธ์มีแนวโน้มที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซีทั้งในสหรัฐและทั่วโลก หากว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมภูมิทัศน์ที่ยืดหยุ่นสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล รัฐบาล Trump ก็อาจสนับสนุนนโยบายอย่างแรงจูงใจทางภาษีสำหรับการขุด Bitcoin ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สหรัฐมีกำลัง Hash ประมาณ 35% ของทั่วโลกในปัจจุบัน นโยบายของ Trump เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยี และเป็นผลให้อาจลดแรงกดดันด้านการกำกับดูแลต่อผู้เล่นหลักในเซกเตอร์คริปโตและวางตำแหน่งสหรัฐให้เป็นผู้นำด้านบล็อกเชนระดับโลก ท่าทีที่แข็งกร้าวในการสนับสนุนคริปโตที่เขาเพิ่งค้นพบนั้นได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัล ดังจะเห็นได้จากอัตราต่อรองที่เอื้ออำนวยของเขาบน Polymarket ซึ่งขณะนี้ผู้ที่ชื่นชอบคริปโตให้เขาได้เปรียบอยู่ที่ 62%-38%
ในทางกลับกัน รัฐบาล Harris น่าจะมุ่งเน้นไปที่เสถียรภาพด้านการกำกับดูแล โดยเน้นไปที่การคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในตลาด Stablecoin ซึ่งคิดเป็นประมาณ 15% ของเซกเตอร์คริปโต แนวทางนี้มาได้ถูกจังหวะเมื่อพิจารณาจากการดำเนินการด้านการกำกับดูแลล่าสุด เช่น การที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ไต่สวน Tether ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในช่วงสั้นๆ และเน้นให้เห็นถึงความอ่อนไหวที่ตลาดในวงกว้างมีต่อพัฒนาการด้านการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin ภายใต้รัฐบาล Harris เราอาจคาดหวังการผลักดันเพื่อความโปร่งใสและการกำกับดูแลที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมหรือเสี่ยงต่ำที่แสวงหาตลาดที่มีโครงสร้างที่ปลอดภัย การกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดยิ่งขึ้นอาจส่งเสริมให้ประเทศอื่นๆ นำกรอบการกำกับดูแลที่คล้ายคลึงกันมาใช้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่เสถียรยิ่งขึ้นสำหรับคริปโต และแน่นอนว่าจะสร้างความเชื่อมั่นในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลได้
การนับถอยหลังเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนใกล้เข้ามา ชุมชนคริปโตทั่วโลกยังคงปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจกำหนดทิศทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเกือบครึ่งหนึ่งถือว่านโยบายคริปโตเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ การเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้จึงตอกย้ำว่าสินทรัพย์ดิจิทัลทวีความสำคัญขึ้นในบริบทการเมืองกระแสหลัก แนวทางของรัฐบาลชุดต่อไปน่าจะไม่เพียงกำหนดอนาคตของตลาดสหรัฐ เท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อมาตรฐานการกำกับดูแลทั่วโลกอีกด้วย โดยจะเป็นตั้งเกณฑ์มาตรฐานในการประเมินมูลค่า การบูรณาการ และการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบเศรษฐกิจต่างๆ
ล่าสุดราคา Bitcoin พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 โดยแตะระดับ $73,544 เพียงสัปดาห์เดียวก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ การดีดขึ้น 6% ในวันที่ 29 ตุลาคมทำให้กำไรรายเดือนของ Bitcoin อยู่ที่ 13% แซงหน้าหุ้นแบบดั้งเดิมทั้งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป ในช่วงเวลาเดียวกัน ความสนใจของสถาบันเป็นแรงกระตุ้นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ในเดือนมกราคม ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัทต่างๆ เช่น BlackRock และ Grayscale ซึ่งก็ได้เพิ่มสภาพคล่องและความเชื่อมั่นให้กับตลาด
ราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นนั้นสอดคล้องกับเดิมพันฝั่ง Trump ที่มากขึ้นบน Prediction Market ทั่วโลกจากนโยบายที่สนับสนุน Bitcoin ของเขา ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดานักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คำสัญญาของเขาเกี่ยวกับนโยบายที่เป็นมิตรกับคริปโตได้กระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นที่ Bullish ทั่วทั้งเซกเตอร์ เนื่องจากนโยบายของผู้สมัครทั้ง 2 คนนี้มีแนวโน้มที่จะกำหนดอนาคตเชิงกลยุทธ์ของสินทรัพย์ดิจิทัล โลกจึงกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐจะสามารถกำหนดบทบาทใหม่ให้กับคริปโตในสหรัฐและในภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกได้อย่างไรบ้าง
ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหาทั้งหมดในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มแต่อย่างใด บทความนี้ไม่มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงประกอบการตัดสินใจลงทุน
เผื่อคุณอาจชื่นชอบ
MAJORUSDT เปิดตัวแล้วในการเทรด Futures และบอทเทรด Futures
Bitget ได้เปิดตัว MAJORUSDT ในการเทรด Futures แล้ว ใช้เลเวอเรจได้สูงสุดถึง 20 พร้อมด้วยการรองรับบอทเทรด Futures ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2024 (UTC+8) ขอเชิญชวนให้เข้ามาเทรด Futures ผ่านทางเว็บไซต์ทางการของเรา (www.bitget.com) หรือในแอป Bitget. MAJORUSDT-M Perpetual Futures: พารามิเตอร์ รายละเอียด เวลา
Bitget จะลิสต์ MAJOR/USDT เข้าในบอทเทรด Spot
เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้บอท Bitget Spot ได้เพิ่มคู่ต่อไปนี้แล้ว: MAJOR/USDT ข้อมูลอ้างอิง 1. Spot Grid 2. คอร์สเรียนฉบับรวบรัดเกี่ยวกับ Spot Grid ข้อสงวนสิทธิ์ คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดสูงแม้จะมีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกัน ขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณศึกษาข้อมูลและลงทุนโดย
Flash Thursday: ซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต/เดบิตโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ทุกวันพฤหัสบดี ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้สกุลเงิน Fiat ท้องถิ่นของคุณผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ( Visa, Mastercard, Google Pay และ Apple Pay)! ซื้อคริปโต ระยะเวลาโปรโมชัน: ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 19:00 น. - วันศุกร์ เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) กฎโปรโมชัน สมัครบัญชี Bitget หรือเข้าสู่ระบบบัญชีปัจจุบันของคุณ ไ